วันจันทร์ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2552
วันจันทร์ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2552
กรุ๊ปเลือด กับการดูแลตัวเอง ^^
ในปัจจุบันเรื่องของการดูแลรักษาสุขภาพดูจะเป็นเรื่องที่ทุกคนกำลังให้ความ สนใจอย่างมาก การออกกำลังกาย การกินตามกรุ๊ปเลือดดูจะเป็นอีกหนทางหนึ่งที่กำลังได้รับความนิยม มีข้อมูลจากศูนย์สุขภาพมาแนะนำกัน
คนที่มีกรุ๊ปเลือด A จะมีปฏิกิริยาตอบสนองต่อความเครียดเนื่องจากร่างกายจะผลิตฮอร์โมนคอร์ติซอล หรือฮอร์โมนเครียดมาก ดังนั้นควรจะออกกำลังกายด้วยการจดจ่อต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่ง อาทิ โยคะ ไทชิ หรือนั่งสมาธิ เพื่อลดความเครียด หากออกกำลังกายก็อย่าหักโหม ขณะเดียวกันไม่ควรบริโภคเนื้อสัตว์มากเกินไป เพราะผู้ที่มีหมู่เลือดนี้จะไม่ค่อยมีเอนไซม์และกรดที่ย่อยโปรตีนจากเนื้อ สัตว์ ควรงดการดื่มนมสดและผลิตภัณฑ์จากนม เพราะจะทำให้เกิดท้องอืด ท้องเฟ้อ ทางที่ดีควรรับประทานผัก อย่างฟักทอง แคร์รอต ผักโขม บร็อกโคลี่ และพืชตระกูลถั่ว โดยเฉพาะถั่วเหลือง ซึ่งเป็นแหล่งอาหารที่มีโปรตีนสูงและช่วยป้องกันโรคมะเร็ง และควรดื่มชาเขียวเป็นประจำเพื่อช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ควรจำกัดน้ำตาล กาเฟอีน และแอลกอฮอล์ เพราะสิ่งเหล่านี้จะไปเพิ่มความเครียด และทำให้กระบวนการเผาผลาญพลังงานในร่างกายทำงานช้าลง
คนที่มีกรุ๊ปเลือด B เมื่อร่างกายไม่สมดุลระดับฮอร์โมนคอร์ติซอลจะเพิ่มสูงขึ้นทำให้มีโอกาสที่จะ ติดเชื้อ เกิดอาการเหนื่อยล้า จิตใจมัวหมอง ควรสร้างความสมดุลด้วยการออกกำลังกายในรูปแบบที่ท้าทายแต่ต้องใช้สมาธิควบ คู่ไปดวย อาทิ เทนนิส ศิลปะการต่อสู้ ปั่นจักรยาน เดินทางไกล กอล์ฟ หรือไทชิเป็นการลดความเครียด ลดความดัน ทำให้ผ่อนคลาย สร้างสมดุลให้กับร่างกาย คนเลือดกรุ๊ปนี้เหมาะกับการดื่มนมหรือผลิตภัณฑ์จากนม และเนื้อสัตว แม้คนหมู่เลือดนี้จะสามารถเผาผลาญโปรตีนจากเนื้อสัตว์ได้ดีก็ตามแต่ก็ไม่ควร กินเนื้อสัตว์ที่ติดมัน ไม่ควรกินคาร์โบไฮเดรตมากเกินไป และหลีกเลี่ยงเนื้อไก่
คนที่มีกรุ๊ปเลือด AB เป็นกลุ่มคนที่รักความเคลื่อนไหว ดังนั้นควรออกกำลังกายในรูปแบบที่ใช้แรงมากและต้องสร้างสมาธิได้ด้วย อย่างเช่นโยคะ หรือแอโรบิก คนเลือดกรุ๊ปนี้มีกรดไฮโดรคลอริกน้อยทำให้ย่อยอาหารได้ยาก จึงต้องจำกัดปริมาณเนื้อสัตว์ไม่ควรรับประทานเนื้อไก่ ควรหันมาบริโภคถั่วเหลือง ปลา ไข่ไก่ และผักแทนไม่ควรดื่มกาเฟอีนและแอลกอฮอล์มากเกินไปและไม่ควรอดอาหารเพราะจะทำ ให้เกิดความเครียด
คนที่มีเลือดกรุ๊ป O ควรจะออกกำลังกายโดยสม่ำเสมอ ไม่ว่าจะเต้นแอโรบิก วิ่ง หรือปั่นจักรยานจะช่วยปรับสภาวะสมดุลของอารมณ์ได้ คนเลือดกรุ๊ปนี้โปรตีนเป็นสิ่งสำคัญ แต่ควรจำกัดการบริโภคถั่วและหมู ส่วนนมและผลิตภัณฑ์จากนมให้บริโภคแต่น้อยเพราะร่างกายย่อยได้ยาก ควรจะหันมารับประทานผักผลไม้ให้มาก เหล่านี้เป็นเพียงแค่แนวทางในการดูแลรักษาสุขภาพ ส่วนจะได้ผลหรือไม่ อยู่ที่ตัวคุณเองแล้ว !!
ที่มา: http://www.dek-d.com/board/view.php?id=1391096
คนที่มีกรุ๊ปเลือด A จะมีปฏิกิริยาตอบสนองต่อความเครียดเนื่องจากร่างกายจะผลิตฮอร์โมนคอร์ติซอล หรือฮอร์โมนเครียดมาก ดังนั้นควรจะออกกำลังกายด้วยการจดจ่อต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่ง อาทิ โยคะ ไทชิ หรือนั่งสมาธิ เพื่อลดความเครียด หากออกกำลังกายก็อย่าหักโหม ขณะเดียวกันไม่ควรบริโภคเนื้อสัตว์มากเกินไป เพราะผู้ที่มีหมู่เลือดนี้จะไม่ค่อยมีเอนไซม์และกรดที่ย่อยโปรตีนจากเนื้อ สัตว์ ควรงดการดื่มนมสดและผลิตภัณฑ์จากนม เพราะจะทำให้เกิดท้องอืด ท้องเฟ้อ ทางที่ดีควรรับประทานผัก อย่างฟักทอง แคร์รอต ผักโขม บร็อกโคลี่ และพืชตระกูลถั่ว โดยเฉพาะถั่วเหลือง ซึ่งเป็นแหล่งอาหารที่มีโปรตีนสูงและช่วยป้องกันโรคมะเร็ง และควรดื่มชาเขียวเป็นประจำเพื่อช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ควรจำกัดน้ำตาล กาเฟอีน และแอลกอฮอล์ เพราะสิ่งเหล่านี้จะไปเพิ่มความเครียด และทำให้กระบวนการเผาผลาญพลังงานในร่างกายทำงานช้าลง
คนที่มีกรุ๊ปเลือด B เมื่อร่างกายไม่สมดุลระดับฮอร์โมนคอร์ติซอลจะเพิ่มสูงขึ้นทำให้มีโอกาสที่จะ ติดเชื้อ เกิดอาการเหนื่อยล้า จิตใจมัวหมอง ควรสร้างความสมดุลด้วยการออกกำลังกายในรูปแบบที่ท้าทายแต่ต้องใช้สมาธิควบ คู่ไปดวย อาทิ เทนนิส ศิลปะการต่อสู้ ปั่นจักรยาน เดินทางไกล กอล์ฟ หรือไทชิเป็นการลดความเครียด ลดความดัน ทำให้ผ่อนคลาย สร้างสมดุลให้กับร่างกาย คนเลือดกรุ๊ปนี้เหมาะกับการดื่มนมหรือผลิตภัณฑ์จากนม และเนื้อสัตว แม้คนหมู่เลือดนี้จะสามารถเผาผลาญโปรตีนจากเนื้อสัตว์ได้ดีก็ตามแต่ก็ไม่ควร กินเนื้อสัตว์ที่ติดมัน ไม่ควรกินคาร์โบไฮเดรตมากเกินไป และหลีกเลี่ยงเนื้อไก่
คนที่มีกรุ๊ปเลือด AB เป็นกลุ่มคนที่รักความเคลื่อนไหว ดังนั้นควรออกกำลังกายในรูปแบบที่ใช้แรงมากและต้องสร้างสมาธิได้ด้วย อย่างเช่นโยคะ หรือแอโรบิก คนเลือดกรุ๊ปนี้มีกรดไฮโดรคลอริกน้อยทำให้ย่อยอาหารได้ยาก จึงต้องจำกัดปริมาณเนื้อสัตว์ไม่ควรรับประทานเนื้อไก่ ควรหันมาบริโภคถั่วเหลือง ปลา ไข่ไก่ และผักแทนไม่ควรดื่มกาเฟอีนและแอลกอฮอล์มากเกินไปและไม่ควรอดอาหารเพราะจะทำ ให้เกิดความเครียด
คนที่มีเลือดกรุ๊ป O ควรจะออกกำลังกายโดยสม่ำเสมอ ไม่ว่าจะเต้นแอโรบิก วิ่ง หรือปั่นจักรยานจะช่วยปรับสภาวะสมดุลของอารมณ์ได้ คนเลือดกรุ๊ปนี้โปรตีนเป็นสิ่งสำคัญ แต่ควรจำกัดการบริโภคถั่วและหมู ส่วนนมและผลิตภัณฑ์จากนมให้บริโภคแต่น้อยเพราะร่างกายย่อยได้ยาก ควรจะหันมารับประทานผักผลไม้ให้มาก เหล่านี้เป็นเพียงแค่แนวทางในการดูแลรักษาสุขภาพ ส่วนจะได้ผลหรือไม่ อยู่ที่ตัวคุณเองแล้ว !!
ที่มา: http://www.dek-d.com/board/view.php?id=1391096
สัญญาณเตือนจาก"เล็บ"
อย่าคิดว่าเล็บไม่มีความสำคัญ เห็นเป็นแค่ส่วนเกินของนิ้วมือเท่านั้นเล็บมีส่วนประกอบหลักของสารโปรตีนประเภท "เคราติน" (Keratin) ในคนที่มีสุขภาพปกติ เล็บจะมีสีชมพูอ่อนๆ เสมอกัน เนื้อเล็บแข็ง เรียบ ลื่น แต่ถ้าเล็บเริ่มมีรูปร่างหรือสีแปลกไป อาจเป็นสัญญาณเตือนว่า อาจเกิดความผิดปกติหรือโรคภัยบางอย่าง
1.เล็บมีลักษณะสีขาวเป็นแผ่นตรงกลาง อาจมีความผิดปกติกับตับ หรือมีโรคที่เกี่ยวกับการทำงานของตับผิดปกติ
2.เล็บมีลักษณะหนากว้าง โค้งมนตามลักษณะของปลายนิ้วที่โตขึ้นและมีสีม่วงคล้ำลักษณะแบบนี้พบมากในผู้ป่วยโรคหัวใจ โรคตับ และโรคท้องเสียเรื้อรัง
3.เล็บมีลักษณะเป็นหลุม ขรุขระ ไม่เรียบเกลี้ยงเกลา อาจเป็นโรคผิวหนังที่เรียกว่า สะเก็ดเงิน หรือเรื้อนกวาง เพราะลักษณะแบบนี้จะพบในผู้ป่วยโรคผิวหนังถึง 70%
4.เล็บมีลักษณะขาวซีด อ่อน แบนและบุ๋ม ลักษณะแบบนี้พบมากในคนที่ขาดธาตุเหล็ก ซึ่งมักจะเป็นโรคโลหิตจาง
5.เล็บมีลักษณะเป็นสีเหลือง ถ้าพบลักษณะแบบนี้ในเล็บบนนิ้วมือที่ถนัด อาจเป็นเพราะสารนิโคตินที่มาจากบุหรี่เกาะบนเล็บที่ใช้คีบบุหรี่ ลักษณะนี้จะพบมากในผู้ป่วยโรคปอด
6.เล็บมีลักษณะเป็นจุดหรือเส้นสีม่วงที่เกิดจากเส้นเลือดฝอยแตกจะพบมากในผู้ป่วยโรคลิ้นหัวใจอักเสบ โรคลิ้นหัวใจตีบ โรคหลอดเลือดอักเสบ และโรคขาดวิตามินซี
7.เล็บมีลักษณะเป็นดอกหรือจุดขาวๆ หรือเป็นเสี้ยวพระจันทร์ อาจขาดสารอาหารบางอย่างที่ทำให้เซลล์สร้างเล็บได้ไม่สมบูรณ์ หรือกำลังมีปัญหาสุขภาพ อาจจะมีโรคภายในที่ทำให้เจ็บป่วยหนักขึ้น
8.เล็บมีลักษณะสีดำ ส่วนมากพบในคนที่ขาดวิตามินบี 12 และในผู้ป่วยโรคลำไส้ผิดปกติ อาจมีจุดดำๆ เกิดขึ้นตามเนื้อเยื่อของลำไส้เยื่อบุปากและริมฝีปาก
ต่อไปเวลาตัดเล็บ อย่าลืมสังเกตความผิดปกติของสีเล็บด้วยทุกครั้ง ถ้าพบความผิดปกติดังที่กล่าว ปรึกษาแพทย์เป็นดีที่สุด ป้องกันไว้ก่อนดีกว่า เป็นแล้วแก้จะแย่ทีหลัง
ที่มา:http://www.dek-d.com/board/view.php?id=1406629
1.เล็บมีลักษณะสีขาวเป็นแผ่นตรงกลาง อาจมีความผิดปกติกับตับ หรือมีโรคที่เกี่ยวกับการทำงานของตับผิดปกติ
2.เล็บมีลักษณะหนากว้าง โค้งมนตามลักษณะของปลายนิ้วที่โตขึ้นและมีสีม่วงคล้ำลักษณะแบบนี้พบมากในผู้ป่วยโรคหัวใจ โรคตับ และโรคท้องเสียเรื้อรัง
3.เล็บมีลักษณะเป็นหลุม ขรุขระ ไม่เรียบเกลี้ยงเกลา อาจเป็นโรคผิวหนังที่เรียกว่า สะเก็ดเงิน หรือเรื้อนกวาง เพราะลักษณะแบบนี้จะพบในผู้ป่วยโรคผิวหนังถึง 70%
4.เล็บมีลักษณะขาวซีด อ่อน แบนและบุ๋ม ลักษณะแบบนี้พบมากในคนที่ขาดธาตุเหล็ก ซึ่งมักจะเป็นโรคโลหิตจาง
5.เล็บมีลักษณะเป็นสีเหลือง ถ้าพบลักษณะแบบนี้ในเล็บบนนิ้วมือที่ถนัด อาจเป็นเพราะสารนิโคตินที่มาจากบุหรี่เกาะบนเล็บที่ใช้คีบบุหรี่ ลักษณะนี้จะพบมากในผู้ป่วยโรคปอด
6.เล็บมีลักษณะเป็นจุดหรือเส้นสีม่วงที่เกิดจากเส้นเลือดฝอยแตกจะพบมากในผู้ป่วยโรคลิ้นหัวใจอักเสบ โรคลิ้นหัวใจตีบ โรคหลอดเลือดอักเสบ และโรคขาดวิตามินซี
7.เล็บมีลักษณะเป็นดอกหรือจุดขาวๆ หรือเป็นเสี้ยวพระจันทร์ อาจขาดสารอาหารบางอย่างที่ทำให้เซลล์สร้างเล็บได้ไม่สมบูรณ์ หรือกำลังมีปัญหาสุขภาพ อาจจะมีโรคภายในที่ทำให้เจ็บป่วยหนักขึ้น
8.เล็บมีลักษณะสีดำ ส่วนมากพบในคนที่ขาดวิตามินบี 12 และในผู้ป่วยโรคลำไส้ผิดปกติ อาจมีจุดดำๆ เกิดขึ้นตามเนื้อเยื่อของลำไส้เยื่อบุปากและริมฝีปาก
ต่อไปเวลาตัดเล็บ อย่าลืมสังเกตความผิดปกติของสีเล็บด้วยทุกครั้ง ถ้าพบความผิดปกติดังที่กล่าว ปรึกษาแพทย์เป็นดีที่สุด ป้องกันไว้ก่อนดีกว่า เป็นแล้วแก้จะแย่ทีหลัง
ที่มา:http://www.dek-d.com/board/view.php?id=1406629
รู้ไว้ใช่ว่า...ใส่บ่าแบกหาม (วิตามิน)
ประโยชน์ของ วิตามินวิตามิน (Vitamin)
เป็นสารอินทรีย์ที่ร่างกายต้องการในปริมาณน้อย แต่มีความจำเป็นต่อการทำงานของร่างกาย นับตั้งแต่การหายใจของเซลล์ การนำโปรตีน ไขมัน และคาร์โบไฮเดรท ไปใช้ในการสร้างเนื้อเยื่อและผลิตพลังงานสำหรับการดำรงชีวิต นอกจากนั้นวิตามินยังเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการทำงานของอวัยวะต่างๆ เช่นการสร้างเม็ดเลือดแดง,การแข็งตัวของเลือด,การสร้างกระดูก การมองเห็นและการทำงานของระบบประสาท วิตามินจึงเป็นตัวจักรเล็กๆแต่มีความสำคัญอย่างยิ่งซึ่งร่างกายจะขาดเสียไม่ได้ บุคคลที่ปรารถนาจะมีสุขภาพแข็งแรงจึงควรได้รับวิตามินอย่างเพียงพอ ต่อความต้องการของร่างกายซึ่งจะเห็นได้ว่าตรงกับความหมายของวิตามิน (Vitamin)ซึ่งมาจากคำว่าVitaหมายถึงชีวิตรวมกับคำว่า Amin จึงหมายถึง สารอินทรีย์ที่สำคัญต่อชีวิต (Vita for life)
หากร่างกายขาดวิตามินร่างกายไม่สามารถสร้างวิตามินขึ้นเองได้ หรือสร้างได้เพียงเล็กน้อย (วิตามิน D) จึงจำเป็นต้องได้รับวิตามินต่างๆผ่านทางอาหารที่รับประทานในแต่ละวัน หากร่างกายได้รับวิตามินไม่เพียงพอกับความต้องการ จะส่งผลให้สุขภาพเสื่อมลง และเมื่อได้รับไม่เพียงพอติดต่อกันไปนานๆจะส่งผลให้ร่างกายเกิดอาการผิดปกติได้
วิตามินเอ มีหน้าที่ช่วยป้องกันการติดเชื้อ ช่วยการมองเห็นในเวลากลางคืน ช่วยในการสร้างเนื้อเยื่อผิวหนัง ลดสิวและโอกาสการเกิดโรคสะเก็ดเงิน, มะเร็ง, ต้อหิน และยังเสริมสุขภาพผิว วิตามินเอพบมากใน ผักและผลไม้ที่มีสีเหลือง ตับ ไข่แดง นม เนย ปลาแมกเคอเรล
วิตามินบี 1 ช่วยเสริมการเผาผลาญคาร์โบไฮเดรตไปใช้เป็นพลังงาน มีผลต่อการทำงานของระบบประสาท หัวใจ และทางเดินอาหาร อาการที่ปรากฏเมื่อขาด เบื่ออาหาร เหนื่อยง่าย ชาตามมือและเท้าแขนขาไม่มีแรง วิตามินบี 1 พบมาใน ธัญพืช ข้าวซ้อมมือ ถั่วต่างๆ งา ตับ
วิตามินบี 2 เกี่ยวข้องในการหายใจของเซลล์ กระบวนการมองเห็น หน้าที่ของผิวหนังและเยื่อบุต่างๆ เพิ่มระดับพลังงาน บำรุงผิว ผมและเล็บ อาการที่ปรากฏเมื่อขาด ผิวหนังอักเสบแผลที่มุมปาก หรือปากนกกระจอก วิตามินบี 2 พบมากในนม ไข่ เนื้อสัตว์ ตับ ผักใบเขียว คอร์นเฟล็ก โยเกิร์ต นม
วิตามินบี3บรรเทาคอเลสเตอรอลสูง ลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ บรรเทาสิวชนิดผื่นแดงอักเสบ ลดความอยากดื่มสุรา พบมากใน เนื้อสัตว์ ไข่ไก่ จมูกข้าว ขนมปังโฮลมีล
วิตามินบี 5 เร่งแผลหายเร็ว บรรเทาอาการข้ออักเสบ ลดอาการนอนไม่หลับ เหนื่อยล้า พบมากใน ถั่วลิสงไม่ปรุงรส งา อะโวกาโด แอปเปิ้ล แอพริคอตแห้ง
วิตามินบี 6 การทำงานของระบบประสาท การสร้างเม็ดเลือด ช่วยรักษาสภาพผิวหนังให้เป็นปกติ อาการที่ปรากฏเมื่อขาด อ่อนเพลีย โลหิตจาง ชาปลายมือปลายเท้า วิตามินบี 6 พบมากใน เนื้อสัตว์ ผักต่างๆ ปลา และยีสต์
วิตามินบี 12 จำเป็นในการสร้างเม็ดเลือด การทำงานของระบบประสาทส่วนกลาง และการดูดซึมของทางเดินอาหาร อาการที่ปรากฏเมื่อขาด โลหิตจาง อ่อนเพลีย ความบกพร่องของระบบประสาทส่วนกลาง วิตามินบี 12 พบมากใน เนื้อสัตว์นม เนยวิตามินซี ช่วยสร้างภูมิต้านทานแก่ร่างกาย การสร้างผิวหนัง กระดูก ฟันและหลอดเลือด อาการที่ปรากฏเมื่อขาด แผลหายช้า เลือดออกง่าย ฟันหลุดร่วงได้ง่าย วิตามินซีพบมากใน ผลไม้สดและผักสดวิตามินดี ช่วยการดูดซึมแคลเซียมซึ่งมีส่วนสำคัญต่อการเจริญของกระดูกและฟัน อาการที่ปรากฏเมื่อขาด ปวดเมื่อย ปวดข้อและกระดูกอ่อน วิตามินดีพบมากใน ตับ เนื้อสัตว์ นม ไข่ เนย
วิตามินซี จำเป็นต่อการเจริญและพัฒนาของเซลล์ประสาท เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ป้องกันการแตกสลายของเยื่อหุ้มเซลล์ อาการที่ปรากฏเมื่อขาด มีผลเสียต่อระบบกล้ามเนื้อประสาท หัวใจ และหลอดเลือด วิตามินอีพบมากใน น้ำมันพืช ถั่วต่างๆ ผักเขียวปนเหลือง
วิตามินดี ช่วยการดูดซึมแคลเซียมซึ่งมีส่วนสำคัญต่อการเจริญของกระดูกและฟัน อาการที่ปรากฏเมื่อขาด ปวดเมื่อย ปวดข้อและกระดูกอ่อน วิตามินดีพบมากใน ตับ เนื้อสัตว์ นม ไข่ เนย
วิตามินอี จำเป็นต่อการเจริญและพัฒนาของเซลล์ประสาท เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ป้องกันการแตกสลายของเยื่อหุ้มเซลล์ อาการที่ปรากฏเมื่อขาด มีผลเสียต่อระบบกล้ามเนื้อประสาท หัวใจ และหลอดเลือด วิตามินอีพบมากใน น้ำมันพืช ถั่วต่างๆ ผักเขียวปนเหลือง
ที่มา:http://writer.dek-d.com/gintoki/story/view.php?id=540945
เป็นสารอินทรีย์ที่ร่างกายต้องการในปริมาณน้อย แต่มีความจำเป็นต่อการทำงานของร่างกาย นับตั้งแต่การหายใจของเซลล์ การนำโปรตีน ไขมัน และคาร์โบไฮเดรท ไปใช้ในการสร้างเนื้อเยื่อและผลิตพลังงานสำหรับการดำรงชีวิต นอกจากนั้นวิตามินยังเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการทำงานของอวัยวะต่างๆ เช่นการสร้างเม็ดเลือดแดง,การแข็งตัวของเลือด,การสร้างกระดูก การมองเห็นและการทำงานของระบบประสาท วิตามินจึงเป็นตัวจักรเล็กๆแต่มีความสำคัญอย่างยิ่งซึ่งร่างกายจะขาดเสียไม่ได้ บุคคลที่ปรารถนาจะมีสุขภาพแข็งแรงจึงควรได้รับวิตามินอย่างเพียงพอ ต่อความต้องการของร่างกายซึ่งจะเห็นได้ว่าตรงกับความหมายของวิตามิน (Vitamin)ซึ่งมาจากคำว่าVitaหมายถึงชีวิตรวมกับคำว่า Amin จึงหมายถึง สารอินทรีย์ที่สำคัญต่อชีวิต (Vita for life)
หากร่างกายขาดวิตามินร่างกายไม่สามารถสร้างวิตามินขึ้นเองได้ หรือสร้างได้เพียงเล็กน้อย (วิตามิน D) จึงจำเป็นต้องได้รับวิตามินต่างๆผ่านทางอาหารที่รับประทานในแต่ละวัน หากร่างกายได้รับวิตามินไม่เพียงพอกับความต้องการ จะส่งผลให้สุขภาพเสื่อมลง และเมื่อได้รับไม่เพียงพอติดต่อกันไปนานๆจะส่งผลให้ร่างกายเกิดอาการผิดปกติได้
วิตามินเอ มีหน้าที่ช่วยป้องกันการติดเชื้อ ช่วยการมองเห็นในเวลากลางคืน ช่วยในการสร้างเนื้อเยื่อผิวหนัง ลดสิวและโอกาสการเกิดโรคสะเก็ดเงิน, มะเร็ง, ต้อหิน และยังเสริมสุขภาพผิว วิตามินเอพบมากใน ผักและผลไม้ที่มีสีเหลือง ตับ ไข่แดง นม เนย ปลาแมกเคอเรล
วิตามินบี 1 ช่วยเสริมการเผาผลาญคาร์โบไฮเดรตไปใช้เป็นพลังงาน มีผลต่อการทำงานของระบบประสาท หัวใจ และทางเดินอาหาร อาการที่ปรากฏเมื่อขาด เบื่ออาหาร เหนื่อยง่าย ชาตามมือและเท้าแขนขาไม่มีแรง วิตามินบี 1 พบมาใน ธัญพืช ข้าวซ้อมมือ ถั่วต่างๆ งา ตับ
วิตามินบี 2 เกี่ยวข้องในการหายใจของเซลล์ กระบวนการมองเห็น หน้าที่ของผิวหนังและเยื่อบุต่างๆ เพิ่มระดับพลังงาน บำรุงผิว ผมและเล็บ อาการที่ปรากฏเมื่อขาด ผิวหนังอักเสบแผลที่มุมปาก หรือปากนกกระจอก วิตามินบี 2 พบมากในนม ไข่ เนื้อสัตว์ ตับ ผักใบเขียว คอร์นเฟล็ก โยเกิร์ต นม
วิตามินบี3บรรเทาคอเลสเตอรอลสูง ลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ บรรเทาสิวชนิดผื่นแดงอักเสบ ลดความอยากดื่มสุรา พบมากใน เนื้อสัตว์ ไข่ไก่ จมูกข้าว ขนมปังโฮลมีล
วิตามินบี 5 เร่งแผลหายเร็ว บรรเทาอาการข้ออักเสบ ลดอาการนอนไม่หลับ เหนื่อยล้า พบมากใน ถั่วลิสงไม่ปรุงรส งา อะโวกาโด แอปเปิ้ล แอพริคอตแห้ง
วิตามินบี 6 การทำงานของระบบประสาท การสร้างเม็ดเลือด ช่วยรักษาสภาพผิวหนังให้เป็นปกติ อาการที่ปรากฏเมื่อขาด อ่อนเพลีย โลหิตจาง ชาปลายมือปลายเท้า วิตามินบี 6 พบมากใน เนื้อสัตว์ ผักต่างๆ ปลา และยีสต์
วิตามินบี 12 จำเป็นในการสร้างเม็ดเลือด การทำงานของระบบประสาทส่วนกลาง และการดูดซึมของทางเดินอาหาร อาการที่ปรากฏเมื่อขาด โลหิตจาง อ่อนเพลีย ความบกพร่องของระบบประสาทส่วนกลาง วิตามินบี 12 พบมากใน เนื้อสัตว์นม เนยวิตามินซี ช่วยสร้างภูมิต้านทานแก่ร่างกาย การสร้างผิวหนัง กระดูก ฟันและหลอดเลือด อาการที่ปรากฏเมื่อขาด แผลหายช้า เลือดออกง่าย ฟันหลุดร่วงได้ง่าย วิตามินซีพบมากใน ผลไม้สดและผักสดวิตามินดี ช่วยการดูดซึมแคลเซียมซึ่งมีส่วนสำคัญต่อการเจริญของกระดูกและฟัน อาการที่ปรากฏเมื่อขาด ปวดเมื่อย ปวดข้อและกระดูกอ่อน วิตามินดีพบมากใน ตับ เนื้อสัตว์ นม ไข่ เนย
วิตามินซี จำเป็นต่อการเจริญและพัฒนาของเซลล์ประสาท เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ป้องกันการแตกสลายของเยื่อหุ้มเซลล์ อาการที่ปรากฏเมื่อขาด มีผลเสียต่อระบบกล้ามเนื้อประสาท หัวใจ และหลอดเลือด วิตามินอีพบมากใน น้ำมันพืช ถั่วต่างๆ ผักเขียวปนเหลือง
วิตามินดี ช่วยการดูดซึมแคลเซียมซึ่งมีส่วนสำคัญต่อการเจริญของกระดูกและฟัน อาการที่ปรากฏเมื่อขาด ปวดเมื่อย ปวดข้อและกระดูกอ่อน วิตามินดีพบมากใน ตับ เนื้อสัตว์ นม ไข่ เนย
วิตามินอี จำเป็นต่อการเจริญและพัฒนาของเซลล์ประสาท เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ป้องกันการแตกสลายของเยื่อหุ้มเซลล์ อาการที่ปรากฏเมื่อขาด มีผลเสียต่อระบบกล้ามเนื้อประสาท หัวใจ และหลอดเลือด วิตามินอีพบมากใน น้ำมันพืช ถั่วต่างๆ ผักเขียวปนเหลือง
ที่มา:http://writer.dek-d.com/gintoki/story/view.php?id=540945
ชื่อเต็มของกรุงเทพพร้อมคำแปล
-: ชื่อเต็มของกรุงเทพฯ :-
กรุงเทพมหานคร อมรรัตรโกสินทร์ มหินทรายุธยา มหาดิลกภพ นพรัตนราชธานีบูรีรมย์
อุดมราชนิเวศน์มหาสถาน อมรพิมานอวตารสถิต สักกะทัตติยวิษณุกรรมประสิทธิ์
-: คำอ่านภาษาไทย :-
กรุงเทบมะหานะคอน อะมอนรัดตระนะโกสิน มะหินทรายุดทะยา มะหาดิลกพบ นบพะรัดราดชะทานีบูรีรม
อุดมราดชะนิเวดมะหาสะถาน อะมอนพิมานอะวะตานสะถิด สักกะทัดติยะวิดสะนุกำประสิด
-: คำอ่านภาษาอังกฤษ :-
KRUNGTHEPMAHANAKHON AMONRATTANAKOSIN MAHINTHRAYUTTHAYA MAHADILOKPHOP
NOPPHARATRATCHATHANIBURIROM UDOMRATCHANIWETMAHASATHAN AMONPHIMAN - AWA
- TANSATHIT SAKKATHATIYAWITSANUKAMPRASIT
-: คำแปลเป็น ภาษาไทย และภาษาอังกฤษ :-
กรุงเทพมหานคร อมรรัตรโกสินทร์ มหินทรายุธยา
แปลอังกฤษ : City of Angels, Great City of Immortals,
แปลไทย : พระนครอันกว้างใหญ่ดุจเทพนคร เป็นที่สถิตของพระแก้วมรกต เป็นนครที่ไม่มีใครรบชนะได้
มหาดิลกภพ นพรัตนราชธานีบูรีรมย์
แปลอังกฤษ : Magnificent City of the Nine Gems, Seat of the King,
แปลไทย : มีความงามอันมั่นคงและเจริญยิ่ง เป็นเมืองหลวงที่บริบูรณ์ด้วยแก้วเก้าประการ น่ารื่นรมย์ยิ่ง
อุดมราชนิเวศน์มหาสถาน อมรพิมานอวตารสถิต
แปลอังกฤษ : City of Royal Palaces, Home of the Gods Incarnate,
แปลไทย : มีพระราชนิเวศใหญ่โตมากมาย เป็นวิมานเทพที่ประทับของพระราชาผู้อวตารลงมา
สักกะทัตติยวิษณุกรรมประสิทธิ์
แปลอังกฤษ : Erected by Visvakarman at Indra's Behest.
แปลไทย : ซึ่งท้าวสักกเทวราชพระราชทานให้พระวิษณุกรรมลงมาเนรมิตไว้
ที่มา:http://writer.dek-d.com/gintoki/story/view.php?id=539510
กรุงเทพมหานคร อมรรัตรโกสินทร์ มหินทรายุธยา มหาดิลกภพ นพรัตนราชธานีบูรีรมย์
อุดมราชนิเวศน์มหาสถาน อมรพิมานอวตารสถิต สักกะทัตติยวิษณุกรรมประสิทธิ์
-: คำอ่านภาษาไทย :-
กรุงเทบมะหานะคอน อะมอนรัดตระนะโกสิน มะหินทรายุดทะยา มะหาดิลกพบ นบพะรัดราดชะทานีบูรีรม
อุดมราดชะนิเวดมะหาสะถาน อะมอนพิมานอะวะตานสะถิด สักกะทัดติยะวิดสะนุกำประสิด
-: คำอ่านภาษาอังกฤษ :-
KRUNGTHEPMAHANAKHON AMONRATTANAKOSIN MAHINTHRAYUTTHAYA MAHADILOKPHOP
NOPPHARATRATCHATHANIBURIROM UDOMRATCHANIWETMAHASATHAN AMONPHIMAN - AWA
- TANSATHIT SAKKATHATIYAWITSANUKAMPRASIT
-: คำแปลเป็น ภาษาไทย และภาษาอังกฤษ :-
กรุงเทพมหานคร อมรรัตรโกสินทร์ มหินทรายุธยา
แปลอังกฤษ : City of Angels, Great City of Immortals,
แปลไทย : พระนครอันกว้างใหญ่ดุจเทพนคร เป็นที่สถิตของพระแก้วมรกต เป็นนครที่ไม่มีใครรบชนะได้
มหาดิลกภพ นพรัตนราชธานีบูรีรมย์
แปลอังกฤษ : Magnificent City of the Nine Gems, Seat of the King,
แปลไทย : มีความงามอันมั่นคงและเจริญยิ่ง เป็นเมืองหลวงที่บริบูรณ์ด้วยแก้วเก้าประการ น่ารื่นรมย์ยิ่ง
อุดมราชนิเวศน์มหาสถาน อมรพิมานอวตารสถิต
แปลอังกฤษ : City of Royal Palaces, Home of the Gods Incarnate,
แปลไทย : มีพระราชนิเวศใหญ่โตมากมาย เป็นวิมานเทพที่ประทับของพระราชาผู้อวตารลงมา
สักกะทัตติยวิษณุกรรมประสิทธิ์
แปลอังกฤษ : Erected by Visvakarman at Indra's Behest.
แปลไทย : ซึ่งท้าวสักกเทวราชพระราชทานให้พระวิษณุกรรมลงมาเนรมิตไว้
ที่มา:http://writer.dek-d.com/gintoki/story/view.php?id=539510
หลอกลวง
ระวังหลอกลวง
...ประมูลสินค้า การประมูลสินค้าทางอินเทอร์เน็ตนับเป็นวิธีการซื้อขายสินค้าที่ได้รับความนิยมมากที่สุดวิธีหนึ่ง ก็เลยเป็นวิธีการหลอกลวงที่พบมากที่สุดเช่นกัน และการหลอกลวงมีหลายรูปแบบ เช่น ผู้ขายไม่ส่งมอบสินค้าที่ผู้ซื้อประมูลได้ เพราะไม่มีสินค้าอยู่จริง หรือหลอกลวงโดยการปั่นราคาซื้อขาย ทำให้ผู้ซื้อรายอื่นต้องซื้อสินค้าในราคาที่สูงเกินจริง
ความเสียหาย...ที่เกิดขึ้น
ความเสียหายที่เกิดขึ้นก็คือ ผู้ซื้อชำระค่าสินค้าแล้ว แต่ไม่ได้รับสินค้า ได้รับสินค้าที่ชำรุดเสียหาย หรือสินค้ามีลักษณะไม่ตรงกับที่เสนอขาย เวลาที่น้องๆ ต้องการประมูลสินค้าผ่านเว็บไซต์จึงควรตรวจสอบว่า เว็บไซต์ที่ทำหน้าเป็นผู้ให้บริการด้านการประมูล
ทางอินเทอร์เน็ต (คนกลาง) มีวิธีการระบุตัวบุคคลที่เป็นผู้ขาย (หรือผู้ซื้อ) ดีพอหรือไม่ คือมีการเก็บประวัติ รายละเอียดของผู้ขายที่สามารถติดต่อได้ หรือพิจารณาว่าผู้ให้บริการด้านการประมูลทางอินเทอร์เน็ต (คนกลาง) มีนโยบายการประกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นหรือไม่ ซึ่งถ้าไม่มีการรับประกันแบบนี้ก็อย่าเสี่ยงเลยเป็นดีที่สุด
...ประมูลสินค้า การประมูลสินค้าทางอินเทอร์เน็ตนับเป็นวิธีการซื้อขายสินค้าที่ได้รับความนิยมมากที่สุดวิธีหนึ่ง ก็เลยเป็นวิธีการหลอกลวงที่พบมากที่สุดเช่นกัน และการหลอกลวงมีหลายรูปแบบ เช่น ผู้ขายไม่ส่งมอบสินค้าที่ผู้ซื้อประมูลได้ เพราะไม่มีสินค้าอยู่จริง หรือหลอกลวงโดยการปั่นราคาซื้อขาย ทำให้ผู้ซื้อรายอื่นต้องซื้อสินค้าในราคาที่สูงเกินจริง
ความเสียหาย...ที่เกิดขึ้น
ความเสียหายที่เกิดขึ้นก็คือ ผู้ซื้อชำระค่าสินค้าแล้ว แต่ไม่ได้รับสินค้า ได้รับสินค้าที่ชำรุดเสียหาย หรือสินค้ามีลักษณะไม่ตรงกับที่เสนอขาย เวลาที่น้องๆ ต้องการประมูลสินค้าผ่านเว็บไซต์จึงควรตรวจสอบว่า เว็บไซต์ที่ทำหน้าเป็นผู้ให้บริการด้านการประมูล
ทางอินเทอร์เน็ต (คนกลาง) มีวิธีการระบุตัวบุคคลที่เป็นผู้ขาย (หรือผู้ซื้อ) ดีพอหรือไม่ คือมีการเก็บประวัติ รายละเอียดของผู้ขายที่สามารถติดต่อได้ หรือพิจารณาว่าผู้ให้บริการด้านการประมูลทางอินเทอร์เน็ต (คนกลาง) มีนโยบายการประกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นหรือไม่ ซึ่งถ้าไม่มีการรับประกันแบบนี้ก็อย่าเสี่ยงเลยเป็นดีที่สุด
เลขมงคล
เลข 9 ก็เป็นเลขหนึ่งที่คนไทยนิยมชมชอบกันนะคะ เพราะเห็นว่าเป็นเลขมงคล และคล้องกับคำว่า "ก้าว" ที่หมายถึงไปข้างหน้า เวลามีอะไรเกี่ยวกับตัวเลข เลข 9 ก็เป็นอันดับแรกๆ ที่ถูกเลือกค่ะ ไม่ว่าจะวันมงคล ฤกษ์ต่างๆ บ้านเลขที่ เบอร์โทรศัพท์ ทะเบียนรถ เบอร์ผู้เล่นฟุตบอล สลากกินแบ่งรัฐบาล (อิอิ)
การรักษาสิว
การรักษา
1. ยาใช้รักษาสิวจะเป็นพวกกรดวิตามิน เอ ในกรณีนี้จะใช้ในคนที่เป็นสิวไม่หายและต้องอยู่ในการควบคุมของแพทย์เท่านั้น เพราะอาจเป็นอันตรายได้
2. อย่าพยายามแต่งหน้าให้หนาเกินไป ในช่วงเป็นสิวควรแต่งหน้าแบบบางเบาหรืออาจไม่แต่งเลย แต่ถ้าเป็นสาวทำงานต้องสวยอยู่เสมอ ก็อย่าลงรองพื้นหนานัก เพราะจะทำให้เป็นสิว และยังเกิดรอยย่นได้ง่าย ๆ อีกด้วย
3.ในกรณีที่มีสิวเสี้ยน วิธีนี้อาจช่วยได้ ใช้ไข่ขาวพอกหน้าทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที แล้วล้างออก
4. ทาครีมหรือเจลรักษาสิวที่มีส่วนผสมจำพวก ซาลิไซลิก แอซิด
1. ยาใช้รักษาสิวจะเป็นพวกกรดวิตามิน เอ ในกรณีนี้จะใช้ในคนที่เป็นสิวไม่หายและต้องอยู่ในการควบคุมของแพทย์เท่านั้น เพราะอาจเป็นอันตรายได้
2. อย่าพยายามแต่งหน้าให้หนาเกินไป ในช่วงเป็นสิวควรแต่งหน้าแบบบางเบาหรืออาจไม่แต่งเลย แต่ถ้าเป็นสาวทำงานต้องสวยอยู่เสมอ ก็อย่าลงรองพื้นหนานัก เพราะจะทำให้เป็นสิว และยังเกิดรอยย่นได้ง่าย ๆ อีกด้วย
3.ในกรณีที่มีสิวเสี้ยน วิธีนี้อาจช่วยได้ ใช้ไข่ขาวพอกหน้าทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที แล้วล้างออก
4. ทาครีมหรือเจลรักษาสิวที่มีส่วนผสมจำพวก ซาลิไซลิก แอซิด
มารู้จักวิธีป้องกัน
การป้องกัน
1. อย่าลืมล้างเมคอัพก่อนเข้านอน
2. รักษาใบหน้าให้สะอาดเสมอ
3. ล้างหน้าวันละประมาณ 2-3 ครั้ง การล้างหน้าบ่อยเกินไปไม่ทำให้หยุดเป็นสิว แต่จะทำให้แพ้และสิวก็ขึ้นมามากกว่าเดิมอีก แต่ก็ไม่ควรปล่อยให้ผิวสกปรกเกินไป
4. อย่าเครียด เพราะความเครียดเป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดสิว
5. ไม่มีคำยืนยันที่แน่นอนว่าขนมหวาน ๆ จำพวกช็อคโกแล็ตนั้น มีผลต่อการเป็นสิวหรือเปล่า แต่ที่แน่ ๆ คือ ช็อคโกแล็ตทำให้อารมณ์ดี ไม่เครียด
1. อย่าลืมล้างเมคอัพก่อนเข้านอน
2. รักษาใบหน้าให้สะอาดเสมอ
3. ล้างหน้าวันละประมาณ 2-3 ครั้ง การล้างหน้าบ่อยเกินไปไม่ทำให้หยุดเป็นสิว แต่จะทำให้แพ้และสิวก็ขึ้นมามากกว่าเดิมอีก แต่ก็ไม่ควรปล่อยให้ผิวสกปรกเกินไป
4. อย่าเครียด เพราะความเครียดเป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดสิว
5. ไม่มีคำยืนยันที่แน่นอนว่าขนมหวาน ๆ จำพวกช็อคโกแล็ตนั้น มีผลต่อการเป็นสิวหรือเปล่า แต่ที่แน่ ๆ คือ ช็อคโกแล็ตทำให้อารมณ์ดี ไม่เครียด
ทำไมต้องเกิดสิว
1. รูเปิดและท่อทางเดินของต่อมไขมันอุดตัน (Ductal hypercornification) เราจะพบว่า ผู้ที่มีใบหน้ามัน ผมมัน หนังศีรษะมัน มักจะเกิดสิวได้ง่ายกว่าผู้ที่มีใบหน้าแห้ง
2. แบคทีเรีย ส่วนใหญ่จากเชื้อแบคทีเรีย พวก P.acnes แต่บางครั้งมีการติดเชื้ออื่นๆ แทรกซ้อนได้
3. เครื่องสำอาง ครีมบำรุงผิว บางคนใช้เครื่องสำอางและครีมบำรุงผิวหลายชนิด และเกิดอาการแพ้ ระคายเคืองทำให้ท่อทางเดินของต่อมไขมันเกิดการอักเสบและอุดตัน ทำให้เกิดสิวได้
4. ช่วงใกล้มีประจำเดือน ประมาณ 1 สัปดาห์ก่อนมีประจำเดือน จะมีการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนภายในร่างกาย จะกระตุ้นให้เกิดสิวมากขึ้นได้
5. ยาบางชนิดทำให้เกิดสิวมากขึ้นได้ เช่น ยาพวกสเตียรอยด์ชนิดกินและชนิดทา ยาคุมกำเนิด ฮอร์โมนเพศชายแอนโดรเจน เป็นต้น
6. กรรมพันธุ์ มีส่วนเกี่ยวข้องบ้าง ถ้าพ่อแม่เป็นสิวมาก ลูกก็มีโอกาสเป็นสิวมากเช่นกัน
7. ความเครียด วิตกกังวล ผู้ที่ทำงานหนักมากเกินไป เครียด วิตกกังวลมาก นอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอจะเกิดสิวได้ง่าย
2. แบคทีเรีย ส่วนใหญ่จากเชื้อแบคทีเรีย พวก P.acnes แต่บางครั้งมีการติดเชื้ออื่นๆ แทรกซ้อนได้
3. เครื่องสำอาง ครีมบำรุงผิว บางคนใช้เครื่องสำอางและครีมบำรุงผิวหลายชนิด และเกิดอาการแพ้ ระคายเคืองทำให้ท่อทางเดินของต่อมไขมันเกิดการอักเสบและอุดตัน ทำให้เกิดสิวได้
4. ช่วงใกล้มีประจำเดือน ประมาณ 1 สัปดาห์ก่อนมีประจำเดือน จะมีการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนภายในร่างกาย จะกระตุ้นให้เกิดสิวมากขึ้นได้
5. ยาบางชนิดทำให้เกิดสิวมากขึ้นได้ เช่น ยาพวกสเตียรอยด์ชนิดกินและชนิดทา ยาคุมกำเนิด ฮอร์โมนเพศชายแอนโดรเจน เป็นต้น
6. กรรมพันธุ์ มีส่วนเกี่ยวข้องบ้าง ถ้าพ่อแม่เป็นสิวมาก ลูกก็มีโอกาสเป็นสิวมากเช่นกัน
7. ความเครียด วิตกกังวล ผู้ที่ทำงานหนักมากเกินไป เครียด วิตกกังวลมาก นอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอจะเกิดสิวได้ง่าย
เรื่องของไข่
1. ทำไมไข่ทุกฟองไม่ฟักเป็นตัวไข่ที่ผลิตแต่ละฟองจะถูกปล่อยออกมาตามท่อรังไข่อย่างสม่ำเสมอ และแม่ไก่ก็พร้อมจะวางไข่กระบวนการนี้จะดำเนินไปตลอด ไม่ว่าไข่จะมีการปฏิสนธิหรือไม่ก็ตาม นั่นคือเหตุผลที่ไข่ไก่ทุกฟองไม่ฟักเป็นตัว
2. ไข่สุก-ไข่ดิบ อะไรมีประโยชน์กว่ากันเราไม่ควรกินไข่ดิบ เพราะในไข่ดิบอาจจะมีเชื้อโรค และไข่ขาวดิบยังย่อยยากอีกด้วย หากเรากินไข่ขาวดิบเข้าไป มันจะผ่านกระเพาะอาหารและลำไส้ไปโดยไม่ได้ย่อย ร่างกายก็ไม่สามารถดูดซึมสารอาหารต่างๆ ได้ หากจะกินไข่ลวกควรลวกให้ไข่ขาวสุกเสียก่
3. ช่องวางไข่ในตู้เย็น ทำอายุไข่สั้นเปลือกไข่มีลักษณะเป็นรูพรุน
2. ไข่สุก-ไข่ดิบ อะไรมีประโยชน์กว่ากันเราไม่ควรกินไข่ดิบ เพราะในไข่ดิบอาจจะมีเชื้อโรค และไข่ขาวดิบยังย่อยยากอีกด้วย หากเรากินไข่ขาวดิบเข้าไป มันจะผ่านกระเพาะอาหารและลำไส้ไปโดยไม่ได้ย่อย ร่างกายก็ไม่สามารถดูดซึมสารอาหารต่างๆ ได้ หากจะกินไข่ลวกควรลวกให้ไข่ขาวสุกเสียก่
3. ช่องวางไข่ในตู้เย็น ทำอายุไข่สั้นเปลือกไข่มีลักษณะเป็นรูพรุน
วันศุกร์ที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2552
อ่านหนังสือให้เวิร์ค มาจัดตารางเวลากัน!!
1. เลือกเวลาที่เหมาะสม เวลาที่เหมาะสมหมายถึง เวลาที่เราอยากจะอ่านหนังสือ หรือว่างจากงานอื่น หรือเป็นเวลาที่อ่านแล้วได้เนื้อหามากที่สุด เข้าใจมากที่สุด ซึ่งเวลาของแต่ละคนจะไม่เหมือนกัน บางคนชอบอ่านตอนเช้า บางคนชอบอ่านตอนกลางคืนก่อนนอน บางคนชอบอ่านเวลากลางวัน แล้วแต่การจัดสรรเวลาของแต่ละคน ต้องเลือกดูเวลาที่เหมาะสมของตัวเอง และควรจัดเวลาอ่านหนังสือให้ได้อย่างน้อย 2 ชั่วโมง
2. วางลำดับวิชาและเนื้อหา ขั้นตอนต่อมา คือ เลือกวิชาที่จะอ่าน มีหลักง่ายๆ คือ เอาวิชาที่ชอบก่อน เพื่อให้เราอ่านได้เยอะๆ และอ่านได้เร็ว ควรเลือกเรื่องที่ชอบอ่านก่อนเป็นอันดับแรก จะได้มีกำลังใจอ่านเนื้อหาอื่นต่อไป ไม่แนะนำวิชาที่ยาก และเนื้อหาที่ไม่ชอบ เพราะจะทำให้เสียเวลาเปล่า การอ่านหนังสือควรอ่านให้ได้ตามที่เราวางแผนเอาไว้ วิธีการก็คือ List รายการหรือเนื้อหา บทที่จะอ่านให้หมด จากนั้นค่อยเลือกลำดับเนื้อหาว่าจะอ่านเรื่องใดก่อนหลัง แล้วค่อยลงมืออ่าน
3. ลงมือทำ ข้อนี้สำคัญมาก คือ ต้องลงมืออ่านอย่างจริงจัง อย่าผัดวันประกันพรุ่ง และต้องจริงจัง
4. ตรวจสอบผลงาน ผลของการอ่าน ดูได้จากว่า ทำข้อสอบได้หรือไม่ ถ้าอ่านแล้วทำข้อสอบได้ ก็แสดงว่าอ่านรู้เรื่อง อ่านเข้าใจ ได้เนื้อหาจริงๆ แต่ถ้าอ่านแล้วทำข้อสอบไม่ได้ ก็ต้องกลับไปทบทวนใหม่ เมื่ออ่านแล้วก็ต้องจดบันทึกไว้ด้วย เพราะจะได้รู้ว่า อ่านไปถึงไหนแล้ว และได้เนื้อหาอะไรบ้าง การจดบันทึก ก็คือการทำโน้ตย่อนั่นเอง แล้วทำสรุปไว้เลยว่าอ่านอะไรไปแล้วบ้าง เก็บไว้ให้มากที่สุด จะได้เป็นผลงานของตัวเอง จะได้เก็บไว้อ่านเมื่อต้องการ หรืออ่านตอนใกล้สอบ
ที่มา:http://www.dek-d.com/content/education/16988/อ่านหนังสือให้เวิร์ค-มาจัดตารางเวลากัน-.htm
2. วางลำดับวิชาและเนื้อหา ขั้นตอนต่อมา คือ เลือกวิชาที่จะอ่าน มีหลักง่ายๆ คือ เอาวิชาที่ชอบก่อน เพื่อให้เราอ่านได้เยอะๆ และอ่านได้เร็ว ควรเลือกเรื่องที่ชอบอ่านก่อนเป็นอันดับแรก จะได้มีกำลังใจอ่านเนื้อหาอื่นต่อไป ไม่แนะนำวิชาที่ยาก และเนื้อหาที่ไม่ชอบ เพราะจะทำให้เสียเวลาเปล่า การอ่านหนังสือควรอ่านให้ได้ตามที่เราวางแผนเอาไว้ วิธีการก็คือ List รายการหรือเนื้อหา บทที่จะอ่านให้หมด จากนั้นค่อยเลือกลำดับเนื้อหาว่าจะอ่านเรื่องใดก่อนหลัง แล้วค่อยลงมืออ่าน
3. ลงมือทำ ข้อนี้สำคัญมาก คือ ต้องลงมืออ่านอย่างจริงจัง อย่าผัดวันประกันพรุ่ง และต้องจริงจัง
4. ตรวจสอบผลงาน ผลของการอ่าน ดูได้จากว่า ทำข้อสอบได้หรือไม่ ถ้าอ่านแล้วทำข้อสอบได้ ก็แสดงว่าอ่านรู้เรื่อง อ่านเข้าใจ ได้เนื้อหาจริงๆ แต่ถ้าอ่านแล้วทำข้อสอบไม่ได้ ก็ต้องกลับไปทบทวนใหม่ เมื่ออ่านแล้วก็ต้องจดบันทึกไว้ด้วย เพราะจะได้รู้ว่า อ่านไปถึงไหนแล้ว และได้เนื้อหาอะไรบ้าง การจดบันทึก ก็คือการทำโน้ตย่อนั่นเอง แล้วทำสรุปไว้เลยว่าอ่านอะไรไปแล้วบ้าง เก็บไว้ให้มากที่สุด จะได้เป็นผลงานของตัวเอง จะได้เก็บไว้อ่านเมื่อต้องการ หรืออ่านตอนใกล้สอบ
ที่มา:http://www.dek-d.com/content/education/16988/อ่านหนังสือให้เวิร์ค-มาจัดตารางเวลากัน-.htm
อ่านหนังสืออย่างไรให้เข้าหัว
- ช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับการอ่านหนังสือ ควรจะเป็นช่วงที่ร่างกายสดชื่น กระปรี้กระเปร่า บรรยากาศรอบตัวก็สดใส ไม่ร้อนไม่หนาวจนเกินไปค่ะ แต่งตัวสบายๆ ไม่อึดอัด และไม่ควรฝืนอ่านหนังสือขณะที่กำลังเครียดหรืออารมณ์ไม่ดีนะคะ เพราะจะเป็นช่วงที่ไม่มีสมาธิและทำให้อ่านไม่รู้เรื่อง ทำให้ไม่เกิดประโยชน์จากการอ่านอย่างเต็มที่ ดังนั้น ช่วงเวลาที่ควรอ่านหนังสือควรเป็นช่วงที่ร่างกายและจิตใจของน้องๆผ่อนคลาย หรืออ่านในวันหยุดสบายๆ ที่ไม่ได้มีนัดหรือรีบไปที่ไหนค่ะ
อ่านหนังสืออย่างไร ให้เข้าหัว
- อย่าอ่านเมื่อรู้สึกหิว (กินให้อิ่มก่อนดีกว่านะ) เพราะจะทำให้ไม่มีสมาธิ (ท้องก็ร้อง) แถมยังไม่มีพลังงานให้สมอง และไม่ควรอ่านหนังสือหลังรับประทานอาหารอิ่มใหม่ๆ เพราะร่างกายต้องใช้พลังงานในการย่อยอาหาร ถ้าเกิดไปอ่านหนังสือตอนนั้น เลือดจะขึ้นไปเลี้ยงสมองมาก จนทำให้กระเพาะย่อยอาหารได้ไม่ดี อาจท้องอืดท้องเฟ้อได้นะคะ!!
อ่านหนังสืออย่างไร ให้เข้าหัว
- ท่านั่งที่ถูกต้องสำหรับการอ่าน คือ นั่งหลังตรงและไม่เกร็งเกินไป ควรเลือกเก้าอี้ที่มีพนักพิงและเท้าแขนที่พอเหมาะกับร่างกาย เก้าอี้ที่นุ่มเกินไปหรือแข็งเกินไปจะทำให้นั่งไม่สะดวก และทำให้อ่านไม่ได้นาน
- ควรถือหนังสือให้ห่างจากดวงตาไม่น้อยกว่า 30 เซนติเมตร (ประมาณ 1 ไม้บรรทัด)และไม่ควรนอนอ่านหนังสือนะคะ เพราะนอกจากจะทำให้เมื่อยแขนมากกว่าปกติแล้ว สายตายังต้องปรับระดับมากอีกด้วย สายตาจะเสียเอานะคะ
ที่มา:http://www.dek-d.com/content/education/16701/อ่านหนังสืออย่างไร-ให้เข้าหัว.htm
อ่านหนังสืออย่างไร ให้เข้าหัว
- อย่าอ่านเมื่อรู้สึกหิว (กินให้อิ่มก่อนดีกว่านะ) เพราะจะทำให้ไม่มีสมาธิ (ท้องก็ร้อง) แถมยังไม่มีพลังงานให้สมอง และไม่ควรอ่านหนังสือหลังรับประทานอาหารอิ่มใหม่ๆ เพราะร่างกายต้องใช้พลังงานในการย่อยอาหาร ถ้าเกิดไปอ่านหนังสือตอนนั้น เลือดจะขึ้นไปเลี้ยงสมองมาก จนทำให้กระเพาะย่อยอาหารได้ไม่ดี อาจท้องอืดท้องเฟ้อได้นะคะ!!
อ่านหนังสืออย่างไร ให้เข้าหัว
- ท่านั่งที่ถูกต้องสำหรับการอ่าน คือ นั่งหลังตรงและไม่เกร็งเกินไป ควรเลือกเก้าอี้ที่มีพนักพิงและเท้าแขนที่พอเหมาะกับร่างกาย เก้าอี้ที่นุ่มเกินไปหรือแข็งเกินไปจะทำให้นั่งไม่สะดวก และทำให้อ่านไม่ได้นาน
- ควรถือหนังสือให้ห่างจากดวงตาไม่น้อยกว่า 30 เซนติเมตร (ประมาณ 1 ไม้บรรทัด)และไม่ควรนอนอ่านหนังสือนะคะ เพราะนอกจากจะทำให้เมื่อยแขนมากกว่าปกติแล้ว สายตายังต้องปรับระดับมากอีกด้วย สายตาจะเสียเอานะคะ
ที่มา:http://www.dek-d.com/content/education/16701/อ่านหนังสืออย่างไร-ให้เข้าหัว.htm
วันอังคารที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2552
สำหรับแม่น้อยกว่านี้ได้ยังงัย?
ดอกไม้ ถึงมีกลิ่นหอมเพียงใด
ไม่ช้าก็ร่วงโรย เหี่ยวเฉาไม่เหลือกลิ่นเอาไว้
เปรียบกับรักเธอ ไม่เคยเฉา
กลิ่นยังหอมยวลใจ สัมผัสรักเธอ อิ่มเอมใจ
วันนี้ ก็เหมือนวันที่ฉันเจอเธอ
รอยยิ้มเมื่อแรกเจอความรักเธอไม่ต่างจากวันนั้น
เธออยู่ข้างกาย ร่วมความเหงา
ร่วมสุขทุกคืนวัน ตัวฉันโชคดี ได้มีเธอ
ขอบคุณที่รักและห่วง ห่วงใยอยู่เสมอ
อาจทำให้เธอเหน็ดเหนื่อย
แต่เธอไม่เคยจากฉันไป
มีแต่เธอนั้น ไม่จากไปไหน
ถึงฟ้าจะไม่สดใส เธอนั้นก็ยังอยู่
อยู่ปลอบใจฉัน ไม่ให้ท้อใจ
ข้ามพ้นเรื่องที่เลวร้าย
นางฟ้าคนเดิมของฉัน
อย่างฉัน ก็เหมือนคนไม่เหลืออะไร
ไม่พร้อมเท่ากับใคร
สุดท้ายเธอเลือกอยู่กับฉัน
แต่สิ่งสำคัญ นั่นคือรัก
เธอให้ฉันมานานไม่คิดต้องการสิ่งใดๆ
ขอบคุณที่รักและห่วง ห่วงใยอยู่เสมอ
อาจทำให้เธอเหน็ดเหนื่อย
แต่เธอไม่เคยจากฉันไป
มีแต่เธอนั้น ไม่จากไปไหนถึงฟ้าจะไม่สดใส
เธอนั้นก็ยังอยู่อยู่ปลอบใจฉัน ไม่ให้ท้อใจ
ข้ามพ้นเรื่องที่เลวร้าย
นางฟ้าคนเดิมของฉัน
ไม่มีสิ่งใดสำคัญ เท่ากับเธอ
หากปราศจากรักเธอ จะอยู่อย่างไร
มีแต่เธอนั้น ไม่จากไปไหน
ถึงฟ้าจะไม่สดใส เธอนั้นก็ยังอยู่
อยู่ปลอบใจฉัน ไม่ให้ท้อใจข้ามพ้นเรื่องที่เลวร้าย
นางฟ้าคนเดิมของฉัน
ไม่ช้าก็ร่วงโรย เหี่ยวเฉาไม่เหลือกลิ่นเอาไว้
เปรียบกับรักเธอ ไม่เคยเฉา
กลิ่นยังหอมยวลใจ สัมผัสรักเธอ อิ่มเอมใจ
วันนี้ ก็เหมือนวันที่ฉันเจอเธอ
รอยยิ้มเมื่อแรกเจอความรักเธอไม่ต่างจากวันนั้น
เธออยู่ข้างกาย ร่วมความเหงา
ร่วมสุขทุกคืนวัน ตัวฉันโชคดี ได้มีเธอ
ขอบคุณที่รักและห่วง ห่วงใยอยู่เสมอ
อาจทำให้เธอเหน็ดเหนื่อย
แต่เธอไม่เคยจากฉันไป
มีแต่เธอนั้น ไม่จากไปไหน
ถึงฟ้าจะไม่สดใส เธอนั้นก็ยังอยู่
อยู่ปลอบใจฉัน ไม่ให้ท้อใจ
ข้ามพ้นเรื่องที่เลวร้าย
นางฟ้าคนเดิมของฉัน
อย่างฉัน ก็เหมือนคนไม่เหลืออะไร
ไม่พร้อมเท่ากับใคร
สุดท้ายเธอเลือกอยู่กับฉัน
แต่สิ่งสำคัญ นั่นคือรัก
เธอให้ฉันมานานไม่คิดต้องการสิ่งใดๆ
ขอบคุณที่รักและห่วง ห่วงใยอยู่เสมอ
อาจทำให้เธอเหน็ดเหนื่อย
แต่เธอไม่เคยจากฉันไป
มีแต่เธอนั้น ไม่จากไปไหนถึงฟ้าจะไม่สดใส
เธอนั้นก็ยังอยู่อยู่ปลอบใจฉัน ไม่ให้ท้อใจ
ข้ามพ้นเรื่องที่เลวร้าย
นางฟ้าคนเดิมของฉัน
ไม่มีสิ่งใดสำคัญ เท่ากับเธอ
หากปราศจากรักเธอ จะอยู่อย่างไร
มีแต่เธอนั้น ไม่จากไปไหน
ถึงฟ้าจะไม่สดใส เธอนั้นก็ยังอยู่
อยู่ปลอบใจฉัน ไม่ให้ท้อใจข้ามพ้นเรื่องที่เลวร้าย
นางฟ้าคนเดิมของฉัน
วันจันทร์ที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2552
การทำงานของคอมพิวเตอร์
1. Personal computer หรือ PC ประกอบด้วยอะไร พร้อมยกตัวอย่าง
ตอบ 1. รับข้อมูล( Input Device ) เช่น เม้าส์ คีย์บอร์ด ฯลฯ
2. เก็บข้อมูล(Storage Device ) เช่น ฮาร์ดดิสก์ ซีดีรอม ฯลฯ
3. ประมวลผล( Processing Device ) เช่น ADM, Cyrix
4. แสดงผลลัพธ์(Output Device) เช่น แสดงบนจอภาพ
2. CPU (central processing) มีความสำคัญอย่างไร
ตอบ เป็นศูนย์กลางการทำงานของ CP ตัว CPU ถือว่าเป็น microprocessor ที่มีความสามารถในการจัดการคำสั่งและการประมวลผลที่มีความซับซ้อนเป็นอย่างมาก
3. เมื่อเรียกใช้งานโปรแกรมระบบปฎิบัติการจะเรียกข้อมูลจากไหน
ตอบ เมื่อเรียกใช้งานโปรแกรมระบบปฎิบัติการจะเรียกข้อมูลจากฮาร์ดดิสก์มาเตรียมที่ RAM
4. จงยกตัวอย่างอุปกรณืของการรับข้อมูลเข้า( Input Device)มา 3 อย่าง
ตอบ 1. จอยสติ๊ก
2. โมเด็ม
3. คีย์บอร์ด
วันอังคารที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2552
แนะนำตัวเอง
ชื่อ สิรินทิพย์ สุวรรณกิจ
ชื่อเล่น จิ้มลิ้ม
กำลังศึกษาอยู่ชั้น ม.4 /1 เลขที่ 39
โรงเรียนอาเวมารีอา
ครูผู้แนะนำ คุณครู วีระชน ไพสาทย์
ชื่อเล่น จิ้มลิ้ม
กำลังศึกษาอยู่ชั้น ม.4 /1 เลขที่ 39
โรงเรียนอาเวมารีอา
ครูผู้แนะนำ คุณครู วีระชน ไพสาทย์
สมัครสมาชิก:
ความคิดเห็น (Atom)
